Surrogates คนอึดฝ่านรกโคลนนิ่ง
21:52
Surrogates
Surrogates
คนอึดฝ่านรกโคลนนิ่ง (Walt Disney Studios Motion Pictures)
กำหนดฉาย หนัง Surrogates : 22 ตุลลาคม 2552
แนว : ไซ-ไฟ ทริลเลอร์
ยาว : 89 นาที
กำกับ หนัง Surrogates : โจนาธาน มอสโทว์
นักแสดงนำ หนัง Surrogates : บรูซ วิลลิส, ราดาห์ มิทเชล, โรซามุนด์ ไพค์, บอริส ค็อดโจ, เจมส์ ฟรานซิส กินตี้, เจมส์ ครอมเวล, วิง ราห์มส์, แจ็ค โนสเวิร์ธตี้
จากนิยายภาพ ไซ-ไฟ สุดล้ำ สู่สุดยอดภาพยนตร์ ไซ-ไฟ ทริลเลอร์แห่งปี จากผู้กำกับ Terminator 3 : Rise of The Machines บรู๊ซ วิลลิส ในบทเจ้าหน้าที่ F.B.I. กับการสืบสวนคดีฆาตกรรมปริศนา เมื่อผู้ใช้โปรแกรมหุ่นยนตร์แทนตัว "เซอร์โรเกทส์" ถูกฆ่าตายผ่านสัญญาณการใช้หุ่นยนตร์ทั้งๆที่เขาไม่ได้ออกจากบ้าน ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ในโลกอนาคต การสืบสวนครั้งนี้จะพาเขาไปสู่อะไรกันแน่ "คุณจะช่วยมนุษยชาติได้อย่างไร ในเมื่อสิ่งเดียวที่เป็นของจริง คือ คุณ!!!" Surrogates คนอึดฝ่านรกโคลนนิ่ง 22 ตุลาคมนี้ ทุกโรงภาพยนตร์
เรื่องย่อ Surrogates
มนุษย์ใช้ชีวิตผ่านทางหุ่นยนต์ตัวแทนเสมือน ซึ่งเป็นเครื่องจักรกลที่มีรูปร่างเซ็กซี สมบูรณ์แบบที่เป็นตัวแทนของพวกเขา ภายในอาณาเขตปลอดภัยของบ้านตัวเอง มันเป็นโลกในอุดมคติ ที่ไร้ซึ่งอาชญากรรม ความเจ็บปวด ความกลัว และเรื่องเลวร้าย เมื่อเหตุฆาตกรรมครั้งแรกในรอบหลายปีทำให้สรวงสวรรค์แห่งนี้สั่นสะเทือน เจ้าหน้าที่ FBI เกรียร์ (บรูซ วิลลิส) ได้ค้นพบเครือข่ายการสมคบคิดขนาดใหญ่ที่อยู่เบื้องหลังปรากฏการณ์ตัวแทนเสมือน และเขาก็ต้องปล่อยวางจากหุ่นยนต์เสมือนของตัวเอง และเอาชีวิตตัวเองเข้าเสี่ยงเพื่อไขปริศนาเรื่องนี้ให้ได้
ทัชสโตน พิคเจอร์ส ภูมิใจเสนอ Surrogates แอ็กชันทริลเลอร์สุดระทึก ที่กำกับโดยโจนาธาน มอสโทว์ (Terminator 3: Rise of the Machines, Breakdown) และนำแสดงโดย ราดาห์ มิทเชล, โรซามุนด์ ไพค์, บอริส ค็อดโจ, เจมส์ ฟรานซิส กินตี้, ไมเคิล คัดลิทซ์, เจมส์ ครอมเวลและวิง ราห์มส์
Surrogates อำนวยการสร้างโดยเดวิด โฮเบอร์แมนและท็อดด์ ลีเบอร์แมนแห่งแมนเดอวิลล์ ฟิล์ม (The Proposal, Traitor, Wild Hogs) และแม็กซ์ แฮนเดลแมนแห่งบราวน์สโตน โปรดักชันส์ ผู้ควบคุมงานสร้างคือเดวิด นิคเซย์ (Legally Blonde, The Negotiator, Robin Hood: Prince of Thieves) และอลิซาเบธ แบงค์ส แห่งบราวน์สโตน โปรดักชัน (ผลงานการแสดงของเธอคือ Zack and Miri Make a Porno, W., The 40-Year-Old Virgin) บทภาพยนตร์โดยจอห์น แบรนคาโต้ และไมเคิล เฟอร์ริส (Terminator 3: Rise of the Machines, The Game) จากนิยายภาพยอดนิยมของท็อป เชลฟ์ คอมิกซ์ โดยโรเบิร์ต เวนดิตตี้และเบรท เวลเดล
ทีมงานสร้างสรรค์ได้แก่ผู้ออกแบบงานสร้าง เจฟ แมนน์ (Terminator 3: Rise of the Machines, Transformers, Gone in Sixty Seconds), ผู้ออกแบบเครื่องแต่งกายเจ้าของรางวัลเอ็มมี เอพริล เฟอร์รี (Terminator 3: Rise of the Machines, U-571, HBO’s Rome), ผู้กำกับภาพผู้คร่ำหวอดในวงการ โอลิเวอร์ วู้ด (ไตรภาค The Bourne, Fantastic Four, U-571), มือลำดับภาพมือเก๋า เควิน สติทท์ (The Kingdom, Cloverfield, Breakdown) และซูเปอร์ไวเซอร์ฝ่ายวิชวล เอฟเฟ็กต์ เจ้าของรางวัลออสการ์ มาร์ค สเตทสัน ส่วนทีมงานเบื้องหลังได้แก่สามเจ้าของรางวัลอคาเดมี อวอร์ด ได้แก่เมคอัพ อาร์ติสท์ โฮเวิร์ด เบอร์เกอร์ (The Chronicles of Narnia: The Lion, the Witch and the Wardrobe, Transformers, Grind House), เมคอัพ อาร์ติสท์ เจฟ ดอว์น (Terminator 2: Judgment Day, Terminator 3: Rise of the Machines, Batman & Robin) และซาวน์ ดีไซเนอร์ จอน จอห์นสัน (U-571, Breakdown)
Surrogates ถ่ายทำในสถานที่จริงในแมสซาซูเซทส์ โดยเฉพาะในบอสตันและชนบทแวดล้อม
Surrogates
Surrogates
Surrogates
Surrogates
นักแสดง Surrogates
บรูซ วิลลิส
บรูซ วิลลิส (เจ้าหน้าที่ FBI เกรียร์) ได้แสดงให้เห็นถึงความสามารถหลากหลายอย่างเหลือเชื่อตลอดระยะเวลาการเป็นนักแสดง ที่ได้รับบทบาทแตกต่างกันมากมาย เช่นบทนักมวยอาชีพในภาพยนตร์โดยเควนติน ทรันติโนเรื่อง Pulp Fiction (ที่ได้รับรางวัลปาล์มทองคำในงานเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์), บทผู้รับเหมาจอมเจ้าชู้ในภาพยนตร์โดยโรเบิร์ต เบนตันเรื่อง Nobody’s Fool, บทนักเดินทางข้ามเวลาผู้กล้าหาญในภาพยนตร์โดยเทอร์รี กิลเลียมเรื่อง 12 Monkeys, บทอดีตทหารสงครามเวียดนามผู้ทุกข์ทนในภาพยนตร์โดยนอร์แมน ยิววิสันเรื่อง In Country, นักจิตวิทยาเด็กผู้อารีในภาพยนตร์ที่ได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลออสการ์โดยเอ็ม. ไนท์ ชยามาลานเรื่อง The Sixth Sense (ซึ่งทำให้เขาได้รับรางวัลพีเพิลส์ ชอยส์ อวอร์ด) และบทที่กลายเป็นเครื่องหมายการค้าของเขา นักสืบจอห์น แม็คเคลนในแฟรนไชส์ Die Hard
หลังจากที่เขาสำเร็จการศึกษาจากหลักสูตรการละครของมองท์แคลร์ สเตท คอลเลจ เด็กหนุ่มชาวนิวเจอร์ซีย์คนนี้ก็ได้ฝึกฝนฝีมือด้านการแสดงของเขาด้วยการเล่นละครเวทีและโฆษณาโทรทัศน์นับไม่ถ้วน ก่อนที่เขาจะได้รับบทนำในละครเวทีดรามาปี 1984 ของแซม เชพเพิร์ดเรื่อง Fool for Love ซึ่งถูกจัดแสดงในฐานะละครออฟบรอดเวย์ถึง 100 รอบ
หลังจากนั้น วิลลิสก็กลายเป็นดาราดังระดับโลก และได้รับรางวัลด้านการแสดงหลายครั้ง ซึ่งรวมถึงรางวัลเอ็มมีและลูกโลกทองคำ จากบทนักสืบเดวิด แอดดิสันในซีรีส์ฮิตเรื่อง Moonlighting ซึ่งเป็นบทที่เขาเอาชนะคู่แข่งกว่า 3,000 คนคว้าบทมาครองได้สำเร็จ ในขณะเดียวกันนั้น เขาก็ได้เปิดตัวในภาพยนตร์เรื่องแรกด้วยการแสดงประกบคิม บาซิงเจอร์ในโรแมนติกคอเมดีโดยเบลค เอ็ดเวิร์ดส์เรื่อง Blind Date
ในปี 1988 เขาได้รับบทจอห์น แม็คเคลนเป็นครั้งแรกในภาพยนตร์บล็อกบัสเตอร์เรื่อง Die Hard หนึ่งในภาพยนตร์ที่ทำรายได้สูงสุดของปีนั้น และเขาก็ได้กลับมารับบทเดิมอีกครั้งในภาคต่ออีกสามภาคได้แก่ Die Hard: Die Harder (1990), Die Hard: With a Vengeance (ภาพยนตร์ที่ทำรายได้ถล่มทลายทั่วโลกในปี 1995) และ Live Free, Die Hard (หนึ่งในภาพยนตร์ที่ทำรายได้สูงสุดประจำซัมเมอร์ปี 2007)
ล่าสุด วิลลิสเพิ่งเสร็จสิ้นจากการแสดงประกบเทรซีย์ มอร์แกนในภาพยนตร์แอ็กชัน/คอเมดีที่กำกับโดยเควิน สมิธเรื่อง A Couple of Dicks
นอกเหนือจากผลงานหน้ากล้องของเขาแล้ว วิลลิสยังได้อำนวยการสร้างภาพยนตร์เรื่อง Hostage และ The Whole Nine Yards และควบคุมงานสร้างภาพยนตร์เรื่อง Breakfast of Champions ที่ดัดแปลงจากนิยายขายดีโดยเคิร์ท วอนน์กัทอีกด้วย วิลลิสร่วมกับเดวิด วิลลิส น้องชายและสตีเฟน อีดส์ หุ้นส่วนทางธุรกิจของเขา ก่อตั้งบริษัทวิลลิส บราเธอร์ส ฟิล์มส์ ซึ่งเป็นบริษัทโปรดักชันขึ้นในลอสแองเจลิส
นอกจากนั้นแล้ว วิลลิสยังได้ทำธุรกิจเกี่ยวกับละครเวทีอีกด้วย ในปี 1997 เขาได้ร่วมก่อตั้ง อะ คัมปะนี ออฟ ฟูลส์ ซึ่งเป็นคณะละครที่ไม่แสวงผลกำไร และมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาและดำรงไว้ซึ่งงานละครในวู้ด ริเวอร์ วัลลีย์แห่งไอดาโฮ และทั่วทั้งอเมริกา เขาได้นำแสดงและกำกับละครตลกร้ายของแซม เชพเพิร์ดเรื่อง True West ที่ลิเบอร์ตี้ เธียเตอร์ในเฮลลีย์, ไอดาโฮ ละครเรื่องนี้ ซึ่งเล่าเรื่องความสัมพันธ์ร้าวฉานระหว่างสองพี่น้อง ได้ออกอากาศทางโชว์ไทม์ และอุทิศให้กับโรเบิร์ต น้องชายผู้ล่วงลับของวิลลิส
วิลลิส ซึ่งเป็นศิลปินที่ประสบความสำเร็จด้วยเช่นกัน ได้บันทึกอัลบัมโมทาวน์ปี 1986 ในชื่อ The Return of Bruno ซึ่งทำยอดขายได้ถึงระดับแพลตินัมและมีเพลง Respect Yourself ติดอันดับห้าในบิลบอร์ดชาร์ท สามปีให้หลัง เขาได้บันทึกเสียงอัลบัมชุดที่สอง If It Don’t Kill You, It Just Makes You Stronger ในปี 2002 เขาได้ออกทัวร์คลับทั่วอเมริกากับวงดนตรีของเขา บรูซ วิลลิส แอนด์ เดอะ บลูส์ แบนด์ และเขายังได้เดินทางไปอิรักเพื่อเล่นดนตรีให้กับทหารอเมริกันฟังอีกด้วย
ราดาห์ มิทเชล
ราดาห์ มิทเชล (เจ้าหน้าที่ FBI ปีเตอร์ส) เมื่อเร็ว ๆ นี้ เธอเพิ่งนำแสดงในภาพยนตร์โดยโซนี พิคเจอร์ส คลาสสิกส์เรื่อง The Children of Huang Shi ประกบโจนาธาน รีส เมเยอร์ส และโจวเหวินฟะ และ Henry Poole Is Here โดยผู้กำกับมาร์ค เพลลิงตัน เธอได้นำแสดงในภาพยนตร์โรแมนติกคอเมดีโดยเลคชอร์ เอนเตอร์เทนเมนต์เรื่อง Feast of Love ประกบมอร์แกน ฟรีแมนและเกร็ก คินเนียร์ นอกจากนี้ มิทเชลยังได้ร่วมแสดงในภาพยนตร์อีกหลายเรื่องเช่น Silent Hill ที่เธอแสดงประกบฌอน บีน, Finding Neverland ที่เธอแสดงประกบจอห์นนี เดปป์, เคท วินสเล็ตและดัสติน ฮอฟแมน, Man on Fire ที่เธอแสดงประกบเดนเซล วอชิงตัน, ภาพยนตร์แปลกใหม่เรื่อง Phone Booth ที่เธอแสดงประกบโคลิน เฟอร์เรลและ Pitch Black ที่นำแสดงโดยวิน ดีเซล หลังจากนี้ มิทเชลจะแสดงประกบทิโมธี โอลีแฟนท์ในภาพยนตร์เรื่อง The Crazies ที่จะเปิดตัวในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ ปี 2010 มิทเชล เดิมมาจากออสเตรเลีย ปัจจุบัน เธอใช้ชีวิตอยู่ในซานตา มอนิกา, แคลิฟอร์เนีย
โรซามุนด์ ไพค์
โรซามุนด์ ไพค์ (แม็กกี้ เกรียร์) เริ่มต้นอาชีพนักแสดงเมื่ออายุได้ 16 ปีเมื่อเธอค้นพบความรักในการแสดงละครเวทีของเธอระหว่างที่เธอรับบท จูเลียต ในละครเรื่อง Romeo and Juliet หลังจากที่ได้แสดงละครเวทีมากมายหลายเรื่องเช่น The Taming of the Shrew และ The Libertine ในที่สุด เธอก็ได้แสดงในซีรีส์บีบีซีเป็นครั้งแรกใน Wives and Daughters ที่เธอแสดงประกบไมเคิล แกมบอน และเธอก็ได้รับเสียงวิจารณ์ชื่นชมอย่างล้นหลามจากการแสดงของเธอในเรื่องนั้น
ผลงานบล็อกบัสเตอร์เรื่องแรกของไพค์คือภาพยนตร์เจมส์บอนด์ของเอ็มจีเอ็มเรื่อง Die Another Day ที่เธอได้แสดงประกบฮัลลี เบอร์รีและเพียร์ซ บรอสแนน หลังจากบอนด์แล้ว ไพค์ก็ได้หวนคืนสู่เวทีละครลอนดอนอีกครั้งด้วยการนำแสดงในละครโปรดักชันของรอยัล คอร์ท เธียเตอร์เรื่อง Hitchcock Blonde ที่กำกับโดยเทอร์รี จอห์นสัน ความสำเร็จยิ่งใหญ่ของละครเรื่องนี้ทำให้มันได้ถูกจัดแสดงที่ลิริค เธียเตอร์ในเวสต์เอนด์ ซึ่งนับว่าเป็นความก้าวหน้าครั้งสำคัญเลยทีเดียว
ในปี 2004 เธอเริ่มต้นถ่ายทำเวอร์ชันภาพยนตร์ของละครเรื่อง The Libertine ของลอว์เรนซ์ ดันมอร์ ประกบจอห์นนี เดปป์ ในบทของอลิซาเบธ มาเล็ต ชายาของเอิร์ลแห่งโรเชสเตอร์ ซึ่งแสดงโดยเดปป์ ภาพยนตร์เรื่องนี้ยังร่วมแสดงโดยจอห์น มัลโควิชและซาแมนธา มอร์ตัน การแสดงอันยอดเยี่ยมของไพค์ในภาพยนตร์เรื่องนี้ทำให้เธอได้รับรางวัลบริติช อินดีเพนเดนท์ ฟิล์ม อวอร์ดสาขานักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยมในปี 2005
หลังจากนั้น ไพค์ก็ได้แสดงประกบเคียรา ไนท์ลีย์, เบรนดา เบลธลินและจูดี้ เดนช์ในภาพยนตร์โฟกัส ฟีเจอร์สที่ดัดแปลงจากนิยายคลาสสิกของเจน ออสเตนเรื่อง Pride & Prejudice ที่กำกับโดยโจ ไรท์ ไพค์ได้รับเสียงวิจารณ์ชื่นชมอย่างล้นหลามและได้รับรางวัลลอนดอน ฟิล์ม คริติกส์ เซอร์เคิล อวอร์ดปี 2006 จากการรับบทเจน เบนเน็ตต์ของเธอ
ในปี 2007 ไพค์ได้แสดงประกบไรอัน กอสลิงและแอนโธนี ฮ็อปกินส์ในทริลเลอร์กฎหมายของนิวไลน์เรื่อง Fracture ที่กำกับโดยเกรกอรี ฮ็อบลิท เธอได้แสดงในภาพยนตร์อินดี้ที่กำกับโดยเจเรมี โพเดสวาเรื่อง Fugitive Pieces ซึ่งเปิดตัวในงานเทศกาลภาพยนตร์โตรอนโตปี 2007 หลังจากนั้น เธอก็ได้นำแสดงในภาพยนตร์อินดี้ที่กำกับโดยเจมส์ โอคลีย์และร่วมแสดงโดยลีนา โอลินเรื่อง Devil You Know
หลังจากนั้น ไพค์ก็ได้แสดงประกบจูดี้ เดนช์ในละครเรื่อง Madame de Sade ที่โรงละครวินด์แฮม เธียเตอร์ ไม่นานหลังจากนั้น เธอก็เริ่มถ่ายทำภาพยนตร์อินดี้เรื่อง “Dagenham Girls” ที่เธอได้แสดงประกบแซลลี ฮอว์กินส์และกำกับโดยไนเจล โคล
ผลงานหลังจากนี้ของไพค์คือภาพยนตร์อินดี้เรื่อง Barney’s Version ที่เธอแสดงประกบพอล จิอาแมตติและดัสติน ฮอฟแมน
บอริส ค็อดโจ
บอริส ค็อดโจ (หัวหน้า FBI แอนดรูว์ สโตน) เกิดที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย และเติบโตขึ้นในเมืองฟรายเบิร์ก ประเทศเยอรมนี นักแสดงหนุ่มรูปหล่อคนนี้เกิดในครอบครัวของคุณแม่ชาวเยอรมัน (นักจิตวิทยา) และคุณพ่อชาวแอฟริกัน (แพทย์จากกานา) เขาเดินทางมายังอเมริกาในปี 1992 ด้วยทุนการศึกษากีฬาเทนนิสจากมหาวิทยาลัยเวอร์จิเนีย คอมมอนเวลธ์ในริชมอนด์ ที่ซึ่งความใฝ่ฝันที่จะเป็นนักกีฬาเทนนิสอาชีพของเขาต้องพังทลายจากอาการบาดเจ็บที่หลัง ก่อนหน้าที่เขาจะสำเร็จการศึกษาในสาขาการตลาดในปี 1996 เขาได้รับการทาบทามจากเอเยนต์จากฟอร์ด โมเดลลิงในนิวยอร์ก ที่ซึ่งเขาได้เข้าทำงานด้วยหลังจากสำเร็จการศึกษา เขาได้ร่วมงานกับช่างภาพชื่อดังมากมายเช่น บรูซ เวเบอร์, เฮิร์บ ริทส์และแมทธิว โรลสตัน และผลงานที่น่าประทับใจของเขาก็ทำให้เขาได้รับรางวัลซูเปอร์โมเดล อวอร์ดในงานแฟชันโชว์ฤดูใบไม้ร่วงปี 1998 ค็อดโจได้ขึ้นปกนิตยสารสำหรับผู้ชายที่ได้รับความนิยมสูงสุดของโลกหลายเล่ม และเขาก็เป็นที่สะดุดตาของแมวมองในฮอลลีวูดที่กำลังมองหานักแสดงหน้าใหม่อยู่เข้า
ค็อดโจได้เปิดตัวในโลกภาพยนตร์ด้วยภาพยนตร์โดยสไปค์ ลีเรื่อง Love and Basketball ที่ร่วมแสดงโดยซานา ลาธานและโอมาร์ เอพส์ เขาได้เป็นดารารับเชิญในซีรีส์โทรทัศน์หลายเรื่องเช่น The Steve Harvey Show, Boston Public และ Eve ก่อนที่เขาจะได้รับบทที่ใหญ่ที่สุดสำหรับเขาในตอนนั้น นั่นก็คือบทเดมอน คาร์เตอร์ เด็กขนของที่หลงรักหนึ่งในสามศรีพี่น้องชาวแอฟริกัน/อเมริกัน (นิโคล อารี ปาร์คเกอร์) ในซีรีส์โชว์ไทม์เรื่อง Soul Food ค็อดโจได้แสดงในซีรีส์ดรามาเรื่องนี้ ที่สร้างขึ้นจากภาพยนตร์ฮิตปี 1997 เป็นเวลาห้าซีซัน
สำหรับผลงานจอแก้วของเขา ค็อดโจได้รับการเสนอชื่อชิงสี่รางวัลเอ็นเอเอซีพี อิเมจ อวอร์ด โดยสามรางวัลในสาขานักแสดงสมทบยอดเยี่ยมในซีรีส์ดรามาจาก Soul Food และอีกหนึ่งรางวัลจากการแสดงสมทบของเขาใน Brown Sugar
นอกเหนือจากผลงานหน้ากล้องของเขาแล้ว เมื่อเร็ว ๆ นี้ ค็อดโจยังประสบความสำเร็จบนเวทีอีกด้วย ในเดือนเมษายน ปี 2008 เขาได้เปิดตัวบนเวทีบรอดเวย์ด้วยการรับบทบริคในละครคลาสสิกของเทนเนสซี วิลเลียมเรื่อง Cat on a Hot Tin Roof ที่เขาแสดงประกบเจมส์ เอิร์ล โจนส์, ฟิลิเซีย ราชัดและอานิกา โนนี โรส
หากแต่ความทุ่มเทและภารกิจในชีวิตที่แท้จริงของเขาคือการกระตุ้นให้ผู้คนรับรู้เกี่ยวกับโรคสไปนา ไบฟิดา เขาและนิโคล ภรรยา ได้ก่อตั้งมูลนิธิโซฟีส์ วอยส์ (http://www.sophiesvoicefoundation.org/) เพื่อเป็นเกียรติแก่ โซฟี ลูกสาวของทั้งคู่ ที่ถูกวินิจฉัยว่าเป็นโรคนี้ตั้งแต่แรกเกิด ความพยายามของพวกเขารวมถึงการป้องกัน การดูแลและการศึกษาเกี่ยวกับโรคนี้ และพวกเขาก็มุ่งมั่นที่จะพัฒนาชีวิตของเด็ก ๆ และผู้ใหญ่ที่ป่วยเป็นโรคนี้ รวมถึงหาวิธีรักษาโรคที่อาจเป็นตั้งแต่แรกเกิดที่สามารถป้องกันได้มากที่สุดด้วย
เจมส์ ฟรานซิส กินตี้ (แคนเตอร์) เป็นนักแสดงรุ่นที่สอง ที่เจริญรอยตามพ่อแม่ของเขา โรเบิร์ต กินตี้ นักแสดง/นักเขียน/ผู้กำกับและนักแสดงหญิงฟรานซีน แท็คเกอร์
ปัจจุบัน กินตี้กำลังอยู่ระหว่างการทำเวิร์คช็อปสำหรับละครออฟบรอดเวย์ของบิล ซี. เดวิสเรื่อง Mass Appeal และกลับไปเรียนต่อที่ยูซีแอลเอเพื่อให้สำเร็จการศึกษาด้านประวัติศาสตร์ เมื่อปีที่แล้ว เขาได้ร่วมทำงานในแคมเปญให้กับบารัค โอบามาและเมื่อเร็ว ๆ นี้ เขาเพิ่งผ่านการฝึกงานที่ดีเอสซีซี (คณะกรรมการแคมเปญวุฒิสมาชิกของเดโมแครท) ในวอชิงตัน, ดี.ซี.
กินตี้เกิดในลอสแองเจลิส แต่เติบโตในดี.ซี. ด้วยความรักในการแสดง เขาจึงได้เข้าศึกษาระดับไฮสคูลที่อินเตอร์ล็อคเคน อาร์ตส์ อคาเดมี ที่โด่งดังในอินเตอร์ล็อคเคน, มิชิแกน (หลังจากเข้าศึกษาที่วัลลีย์ ฟอร์จ มิลิทารี อคาเดมี ในเพนซิลวาเนียชั่วคราว) ก่อนที่เขาจะเข้าศึกษาในเดอะ จูเลียร์ด สคูล ในนิวยอร์ก ซิตี้ ที่ซึ่งเขาได้ทุ่มเทให้กับการแสดงและบัลเลต์ นอกจากนี้ เขายังได้ศึกษาเกี่ยวกับบัลเลต์คลาสสิกเป็นเวลาเจ็ดปีในโรงเรียนหลายแห่ง ซึ่งรวมถึงเดอะ อเมริกัน บัลเลต์ เธียเตอร์, เดอะ รอยัล บัลเลต์และเดอะ เนชันแนล บัลเลต์ ออฟ แคนาดา เขาเริ่มต้นแสดงอย่างเป็นทางการระหว่างที่เขายังศึกษาระดับไฮสคูล และหลังจากนั้นเขาก็ได้เข้าศึกษาหลักสูตรการละครที่โด่งดังเช่นเดอะ บริติช อเมริกัน ดรามา อคาเดมีและเดอะ รอยัล อคาเดมี ออฟ ดรามาติก อาร์ต ก่อนที่จะเข้าศึกษาที่จูเลียร์ด
กินตี้โบกมือลาจูเลียร์ดเพื่อมาแสดงภาพยนตร์เรื่องแรกประกบแฮร์ริสัน ฟอร์ดและเลียม นีสันใน K-19: The Widowmaker ในขณะที่บทบาทหลังจากนั้นของเขารวมถึงบทดารารับเชิญในซีรีส์ ER และ Private Practice กินตี้ยังได้แสดงในละครเวที โดยผลงานของเขารวมถึงละครโดยทอม สต็อพเพิร์ดเรื่อง Night and Day ที่โรงละครวิลมา เธียเตอร์ในฟิลาเดลเฟียร์, บทโรมิโอที่โรงละครซีแอตเติล เร็พและผลงานอีกเรื่องหนึ่งของเดอะ บาร์ดเรื่อง All’s Well That Ends Well ที่โรงละครฟอลเกอร์ เชคสเปียร์ เธียเตอร์ ในกรุงวอชิงตัน, ดี.ซี.
เจมส์ ครอมเวล (แคนเตอร์วัยชรา) ได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลออสการ์สาขานักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยมจากการแสดงที่น่าจดจำของเขาในบทชาวนาฮ็อกเก็ตต์ในภาพยนตร์ฮิตเรื่อง Babe ผลงานภาพยนตร์เรื่องล่าสุดของเขาได้แก่ ภาพยนตร์โดยโอลิเวอร์ สโตนเรื่อง W., ภาพยนตร์โดยสตีเฟน เฟรียร์สเรื่อง The Queen, ภาพยนตร์โดยคลินท์ อีสต์วู้ดเรื่อง Space Cowboys, ภาพยนตร์เลื่องชื่อของแฟรงค์ ดาราบอนท์เรื่อง The Green Mile และ Spider-Man 3
เขารับบทเป็นคุณปู่ในภาพยนตร์เรื่อง The Education of Little Tree และบทสารวัตรตำรวจดัดลีย์ สมิธในภาพยนตร์เรื่อง L.A. Confidential
ครอมเวลได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลเอ็มมีจากผลงานของเขาในซีรีส์ออริจินอลของเอชบีโอเรื่อง Six Feet Under, ภาพยนตร์เอชบีโอเรื่อง RKO 281 และดรามาเอ็นบีซีเรื่อง ER ผลงานของเขามีทั้งมินิซีรีส์และภาพยนตร์ประจำสัปดาห์หลายสิบเรื่อง ซึ่งรวมถึงบทนำในซีรีส์ทีเอ็นทีเรื่อง A Slight Case of Murder, บทคาเมโอในซีรีส์เอชบีโอเรื่อง Angels in America, West Wing, Picket Fences, Home Improvement, L.A. Law และ Star Trek: The Next Generation
ครอมเวลได้กำกับละครตามโรงละครต่างๆ ทั่วประเทศและเป็นผู้ก่อตั้งรวมถึงผู้อำนวยการฝ่ายศิลป์ของสเตจ เวสต์ บริษัทของเขาเองที่ตั้งอยู่ที่สปริงฟิลด์, แมสซาซูเซทส์อีกด้วย นอกจากนั้น เขายังได้ร่วมกำกับภาพยนตร์ขนาดสั้น ซึ่งเข้าฉายในงานเทศกาลภาพยนตร์ลอนดอนอีกด้วย
ครอมเวลเกิดในลอสแองเจลิสและเติบโตในนิวยอร์กและวอเตอร์ฟอร์ด, คอนเน็กติคัท เขาศึกษาที่คาร์เนจี้ เมลลอน (ซึ่งตอนนั้นยังเป็นคาร์เนจี้ เทคอยู่) จอห์น ครอมเวล พ่อของเขา ซึ่งเป็นนักแสดงและผู้กำกับชื่อดัง เป็นหนึ่งในประธานคนแรก ๆ ของสมาพันธ์ผู้กำกับภาพยนตร์ ส่วนเคย์ จอห์นสัน แม่ของเขา ก็เป็นนักแสดงละครเวทีและภาพยนตร์
วิง ราห์มส์ (นักพยากรณ์) ได้ร่วมงานกับบรูซ วิลลิสอีกครั้ง ซึ่งเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่พวกเขาได้ร่วมงานกันในภาพยนตร์ที่ได้รับรางวัลออสการ์ปี 1994 ของเควนติน ทารันติโนเรื่อง Pulp Fiction
ราห์มส์มาจากฮาร์เลม, นิวยอร์ก ที่ซึ่งเขาเริ่มต้นศึกษาด้านการแสดงที่นิวยอร์ก ไฮสคูล ฟอร์ เพอร์ฟอร์มิง อาร์ตและจูเลียร์ด สคูล ออฟ ดรามา หลังจากสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีจากจูเลียร์ดในปี 1983 ราห์มส์ก็ได้เปิดตัวในโลกการแสดงในละครโปรดักชันของเชคสเปียร์ อิน เดอะ ปาร์คโดยโจ แป็ปเรื่อง King Richard III
ในปี 1994 ราห์มส์ได้รับบทมาร์เซลลัส บิ๊ก แมน วอลเลซ พ่อค้ายาเลือดเย็นในภาพยนตร์ชื่อดังของทารันติโนเรื่อง Pulp Fiction ไม่นานหลังจากนั้น เขาก็ได้ร่วมงานกับผู้กำกับเดอ พัลมาอีกครั้งในบทแฮ็คเกอร์คอมพิวเตอร์จอมเจ้าเล่ห์ ลูเธอร์ สติคเคลใน Mission: Impossible ซึ่งเป็นบทที่เขาได้กลับมาเล่นอีกในซีเควลสองภาคของแฟรนไชส์นี้ M:I-2 และ M:I-3
ผลงานจอเงินของเขาได้แก่ภาพยนตร์โดยสตีเวน โซเดอร์เบิร์กห์เรื่อง Out of Sight, ภาพยนตร์โดยมาร์ติน สกอร์เซซีเรื่อง Bringing Out the Dead, ผลงานสร้างของเจอร์รี บรัคไฮเมอร์เรื่อง Con Air, ภาพยนตร์โดยจอห์น ซิงเกิลตันเรื่อง Rosewood และ Envy, I Now Pronounce You Chuck and Larry, Dawn of the Dead, Kiss of Death, Striptease, Entrapment และพากย์เสียงตัวการ์ตูนค็อบบรา บับเบิลส์ในภาพยนตร์ดิสนีย์เรื่อง “Lilo & Stitch” (เขากลับมาพากย์เสียงตัวละครตัวเดิมอีกครั้งในซีเควลวิดีโอเรื่อง Stitch: The Movie)
ผลงานหลังจากนี้ของเขาได้แก่ The Goods: Live Hard Sell Hard และ Master Harold…and the Boys
อีกหนึ่งไฮไลท์ในชีวิตนักแสดงของเขาคือการได้รับบทโปรโมเตอร์มวยที่มีชื่อเสียงฉาวโฉ่ที่สุดของโลกในภาพยนตร์เอชบีโอเรื่อง Don King: Only in America ราห์มส์ได้รับรางวัลลูกโลกทองคำสาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยมในมินิซีรีส์ (และได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลแซ็กและเอ็มมี) จากผลงานของเขาในภาพยนตร์เรื่องนี้ ในพิธีมอบรางวัลลูกโลกทองคำปี 1998 เขาได้สร้างความประหลาดใจให้กับผู้ชมด้วยการมอบรางวัลของเขาให้กับแจ็ค เล็มมอน ผู้ได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลนี้ และเป็นผู้ที่เขารู้สึกว่าสมควรได้รับรางวัลนี้มากกว่าเขา
ในระหว่างที่เขาเป็นนักแสดงนี้ ราห์มส์ได้รับรางวัลนักแสดงสมทบยอดเยี่ยมแห่งปีของโชเวสต์ในปี 2000 โดยสมาพันธ์เจ้าของโรงละครแห่งชาติ (NATO) และได้รับการเสนอชื่อชิงเจ็ดรางวัลเอ็นเอเอซีพี อิเมจ อวอร์ดจากผลงานภาพยนตร์และซีรีส์โทรทัศน์ของเขาตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา
แจ็ค โนสเวิร์ธตี้ (ไมลส์ สตริคแลนด์) ได้ร่วมงานกับผู้กำกับโจนาธาน มอสโทว์อีกครั้งเป็นครั้งที่ห้าแล้ว หลังจากที่ได้ร่วมงานกับเพื่อนชาวนิวอิงค์แลนด์ของเขามาแล้วใน Breakdown, U-571, ทริลเลอร์เกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตต่างดาวเรื่อง Them และบทคาเมโอใน Terminator 3: Rise of the Machines (ซึ่งถูกตัดออกจากฉบับภาพยนตร์แต่ปรากฏอยู่ในเวอร์ชันดีวีดี)
โนสเวิร์ธตี้เกิดและเติบโตในแมสซาซูเซทส์ เขาสำเร็จการศึกษาจากเดอะ บอสตัน คอนเซอร์เวทอรี โดยเขาแสดงทั้งในภาพยนตร์ ซีรีส์โทรทัศน์และละครบรอดเวย์ เขาเริ่มต้นอาชีพนักแสดงด้วยการแสดงละครมิวสิคัลที่ทัวร์ทั่วประเทศเรื่อง Cats เขาเปิดตัวบนเวทีบรอดเวย์ด้วยการแสดงละครเรื่อง Jerome Robbins Broadway และเขาก็เป็นนักแสดงคนสุดท้ายที่ได้รับเลือกให้แสดงในละครที่นำกลับมาสร้างใหม่เรื่อง A Chorus Line และล่าสุด เขาก็เพิ่งแสดงประกบจอห์น ลิธโกว์ในละครบรอดเวย์มิวสิคัลเรื่อง Sweet Smell of Success นอกเหนือไปจากผลงานละครเวทีนิวยอร์กของเขาแล้ว เขายังได้รับรางวัลลอสแองเจลิส ดรามา คริติกส์และรางวัลดรามาล็อก อวอร์ดสาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยม จากการแสดงในบทอลัน สเตรงจ์ในละครเรื่อง Equus โปรดักชันของลอสแองเจลิส
ด้านภาพยนตร์ ผลงานของเขาได้แก่ภาพยนตร์ที่กำลังจะลงโรงเรื่อง Pretty Ugly People รวมไปถึง Phat Girlz, Undercover Brother, Poster Boy, Unconditional Love, Event Horizon, The Brady Bunch Movie, Barb Wire, Trigger Effect, Cecil B. DeMented, Alive และ Encino Man ซึ่งเป็นผลงานภาพยนตร์เรื่องแรกของเขา นอกเหนือจากผลงานที่เขาได้ร่วมงานกับมอสโทว์แล้ว โนสเวิร์ธตี้ยังเคยร่วมงานกับผู้กำกับชื่อดังอย่างพี.เจ. โฮแกน, พอล แอนเดอร์สัน, เบ็ตตี้ โธมัส, เดวิด โคเอปป์และจอห์น วอเตอร์สมาแล้วด้วย
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น